ใกล้จะจบปี 2568 แล้ว! เวลาเดินไวจริงๆ ครับ นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่มนุษย์เงินเดือนและผู้มีรายได้ทุกคนต้องเริ่ม “วางแผนภาษี” กันอย่างจริงจัง หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่า สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568 ที่จะใช้ยื่นต้นปีหน้า มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง? มีรายการใหม่ๆ อะไรเพิ่มเข้ามา หรือมีกองทุนไหนที่หายไป?
วันนี้ เราได้รวบรวม Checklist ฉบับสมบูรณ์มาให้แล้ว อัปเดตล่าสุดครบทุกหมวดหมู่ เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ มาดูกันเลยครับ!
หมวด 1: ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
หมวดนี้เป็นสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนที่มีรายได้พึงได้รับ และยังครอบคลุมถึงการดูแลคนในครอบครัวด้วยครับ
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว : ทุกคนที่ยื่นภาษี สามารถใช้สิทธินี้ได้ทันที 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส : หากคุณมีคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และคู่สมรสไม่มีเงินได้ (หรือยื่นภาษีรวมกัน) สามารถลดหย่อนได้อีก 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร : บุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย: ลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท (ไม่จำกัดจำนวนคน) สำหรับบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป (ที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561) สามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร : คุณแม่สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์และคลอดบุตรมาลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 60,000 บาท (ต่อการตั้งครรภ์หนึ่งครั้ง)
- ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา : สามารถลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบิดามารดา (ทั้งของตนเองและของคู่สมรส) ได้คนละ 30,000 บาท เงื่อนไข ท่านต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี สามารถใช้สิทธิได้สูงสุด 4 ท่าน (รวมบิดามารดาของคู่สมรส)
- ค่าอุปการะผู้พิการหรือทุพพลภาพ : หากคุณต้องดูแลผู้พิการหรือทุพพลภาพ สามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท
หมวด 2: ประกัน (ลดความเสี่ยง พร้อมลดหย่อนภาษี)
การทำประกัน นอกจากจะช่วยบริหารความเสี่ยงในชีวิตแล้ว ยังเป็นเครื่องมือลดหย่อนภาษีที่ยอดเยี่ยมครับ
- ประกันชีวิต และ ประกันสะสมทรัพย์ : เบี้ยประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์ (ที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป) สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาท
- ประกันสุขภาพตนเอง :เบี้ยประกันสุขภาพ สามารถนำมาลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตในข้อ บนแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา : หากคุณซื้อประกันสุขภาพให้บิดามารดา สามารถนำเบี้ยมาลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 15,000 บาท
หมวด 3: การลงทุนและวางแผนเกษียณ (หมวดใหญ่ต้องดู!)
นี่คือหมวดที่ซับซ้อน แต่ก็ให้สิทธิลดหย่อนที่สูงมาก ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ : ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท หากคุณไม่ได้ใช้สิทธิประกันชีวิต 100,000 บาทแรก สามารถใช้ประกันบำนาญได้เต็ม ทำให้ลดหย่อนได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) / กบข. / กองทุนสงเคราะห์ครูฯ
-
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD): ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
-
กบข. / กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน: ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15% (ยกเว้น กบข. ได้สูงสุด 30%) ทั้งหมดนี้รวมกันต้องไม่เกิน 500,000 บาท
-
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) : ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (ต้องลงทุนต่อเนื่องตามเงื่อนไข)
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG และ ThaiESGX) : ปีนี้หมวดกองทุนเพื่อความยั่งยืนมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาก โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้ครับ:
- กองทุน Thai ESG (แบบทั่วไป) : เป็นกองทุนที่ออกมาเพื่อส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน (ESG) ในประเทศไทย
- สิทธิประโยชน์: ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท
- กองทุน Thai ESGX (แบบพิเศษ) : เปรียบเสมือน “รุ่นพิเศษ” ของ Thai ESG ที่มีนโยบายการลงทุนเข้มข้นกว่า (เช่น ต้องลงทุนในหุ้นยั่งยืนอย่างน้อย 65%) และออกมาเพื่อรองรับเงินลงทุนก้อนใหม่ รวมถึงเงินที่โยกย้ายมาจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนด้วย
- สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ Thai ESGX (เฉพาะปี 2568)
สำหรับปี 2568 นี้ กองทุน Thai ESGX จะให้สิทธิประโยชน์ที่สูงมาก โดยสามารถลดหย่อนได้สูงสุดถึง 600,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 วงเงินหลัก:
-
วงเงินที่ 1 (เงินลงทุนใหม่): ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ สูงสุด 300,000 บาท
-
วงเงินที่ 2 (เงินที่ย้ายจาก LTF): ลดหย่อนได้ “เพิ่มเติม” อีก สูงสุด 300,000 บาท สำหรับเงินที่โอนย้ายมาจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนด
สิทธิประโยชน์ต่อเนื่อง (ปี 2569 – 2572) นอกจากนี้ เงินที่โยกมาจาก LTF (ในวงเงินที่ 2) ยังมีสิทธิประโยชน์ต่อเนื่อง โดยสามารถนำไปลดหย่อนในปี 2569 – 2572 ได้อีก สูงสุดปีละ 50,000 บาท
ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุด! กองทุน Thai ESGX (ทั้งการลงทุนใหม่และย้ายจาก LTF) จะเปิดให้ลงทุนเฉพาะช่วงเดือน พฤษภาคม – มิถุนายน 2568 นี้เท่านั้น!
- วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) : เงินลงทุนในหุ้นหรือการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท
- ประกันสังคม : ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 9,000 บาท (สำหรับปี 2568)
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) : ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 30,000 บาท
ข้อควรระวัง: กองทุน SSF
สำหรับปีภาษี 2568 กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ไม่สามารถ นำมาลดหย่อนภาษีได้แล้วนะครับ (สิทธิลดหย่อนสิ้นสุดในปี 2567)
หมวด 4: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
มาตรการพิเศษจากภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศ
- ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย : ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาท
- Easy E-Receipt 2.0 : มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย (รายละเอียดอาจมีการปรับเปลี่ยน) ให้สิทธิลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาท
- ค่าสร้างบ้านใหม่ : ลดหย่อนได้ 10,000 บาท ต่อค่าก่อสร้างทุก 1 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- ติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้าน :สำหรับผู้ที่ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท
- เที่ยวดีมีคืน (ท่องเที่ยว) : ลดหย่อนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศ สูงสุด 30,000 บาท อ่านรายละเอียเพิ่มเติมที่ เที่ยวดีมีคืน
หมวด 5: เงินบริจาค (ลดหย่อนได้ แถมได้บุญ)
- เงินบริจาคทั่วไป : เช่น บริจาคมูลนิธิ หรือวัดวาอารามทั่วไป ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนทั้งหมดแล้
- เงินบริจาคพิเศษ (ลดหย่อน 2 เท่า) : การบริจาคเพื่อการศึกษา, การกีฬา, การพัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ สามารถนำมาลดหย่อนได้ 2 เท่า ของเงินที่จ่ายจริง (แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้ฯ)
- เงินบริจาคพรรคการเมือง : ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 10,000 บาท
สรุปส่งท้าย
การวางแผนภาษีไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยการเตรียมตัวล่วงหน้า อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขของแต่ละรายการให้ละเอียดอีกครั้งก่อนใช้สิทธิ การเริ่มต้นวางแผนและทยอยใช้สิทธิต่างๆ ตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้สูงสุด และมีเงินเหลือไปทำตามเป้าหมายอื่นๆ ได้อีกมากครับ




