เข้าสู่ช่วงปลายปีทีไร เหล่านักรบมนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็เริ่มมองหา “ตัวช่วยลดหย่อนภาษี” กันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นประกัน, กองทุน ThaiESG/RMF, หรือแคมเปญช้อปปิ้งต่างๆ
แต่คุณรู้ไหมครับว่า มี “กับดัก” ซ่อนอยู่มากมายที่คนมักพลาดกันทุกปี จากประสบการณ์ที่เห็นหลายคน “วางแผนผิด” จนสุดท้ายภาษีลดลงนิดหน่อย หรือหนักสุดคืออาจต้อง “จ่ายภาษีเพิ่ม”
บทความนี้ไม่ได้มาบอกว่าคุณ “ต้องซื้ออะไร” แต่จะมาเตือนด้วยความหวังดีว่าคุณ “ห้ามพลาดอะไร” เราจะมาเปิด 5 กับดักลดหย่อนภาษีที่พบบ่อยที่สุด เพื่อปกป้องผลประโยชน์และเงินในกระเป๋าของคุณครับ
กับดักที่ 1: ซื้อประกันผิดประเภท (เลือกผิด…ลดหย่อนไม่ได้!)
นี่คือจุดที่คนพลาดบ่อยที่สุดครับ! หลายคนเห็นคำว่า “ประกัน” ก็คิดว่าลดหย่อนได้หมด แต่ความจริงไม่ใช่เลย
-
ข้อห้าม : ห้ามซื้อประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ (หรือแบบใดก็ตาม) ที่มี “อายุกรมธรรม์ต่ำกว่า 10 ปี” เพื่อหวังลดหย่อนภาษี
-
ทำไมถึงพลาด : ตามเกณฑ์ของกรมสรรพากร ประกันชีวิตที่จะนำมาลดหย่อนภาษี (ในวงเงิน 100,000 บาทแรก) ต้องมีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป หลายคนไปซื้อแบบ 5 ปี หรือ 8 ปี เพราะได้ผลตอบแทนเร็ว สุดท้ายยื่นลดหย่อนไม่ได้แม้แต่บาทเดียว
-
จุดเช็ก : ก่อนเซ็นชื่อซื้อประกันทุกครั้ง ถามให้ชัดเจนว่า “เล่มนี้ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 100% ใช่ไหม” และตรวจสอบในกรมธรรม์ว่า “ระยะเวลาคุ้มครอง” (ไม่นับระยะเวลาชำระเบี้ย) ถึง 10 ปีหรือไม่
(นี่ยังไม่รวมถึงการซื้อประกันสุขภาพที่มักสับสนกับวงเงินประกันชีวิต หรือซื้อประกันบำนาญที่เงื่อนไขต่างออกไปอีกนะครับ)
กับดักที่ 2: จำเงื่อนไขกองทุนผิดล็อต! (ThaiESG 8 ปี vs 5 ปี) และลืม “ของเก่า” (SSF)
นี่คือกับดักที่ซับซ้อนที่สุดในปัจจุบัน เพราะมีการ “เปลี่ยนกฎกลางทาง” ทำให้เงื่อนไขไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นกองทุนชื่อเดียวกันก็ตาม!
-
ข้อห้าม : ห้ามนำเงื่อนไข ThaiESG “ล็อตใหม่” (5 ปี) ไปใช้กับ “ล็อตเก่า” (8 ปี) ที่คุณซื้อไว้เด็ดขาด และห้ามลืมว่า “SSF” ที่ค้างอยู่ ยังต้องถือ 10 ปี!
-
ทำไมถึงพลาด :
-
กับดัก ThaiESG (8 ปี vs 5 ปี):
-
ใครที่ซื้อ ThaiESG ใน ปี 2566 (ล็อตแรก): คุณยังคงติดเงื่อนไขเดิมคือ ต้องถือ 8 ปีเต็ม (นับวันชนวัน)
-
ใครที่ซื้อ ThaiESG ใน ปี 2567 – 2569 (ล็อตใหม่): คุณจะได้สิทธิ์ตามเงื่อนไขใหม่คือ ถือเพียง 5 ปีเต็ม
-
-
ข้อควรระวัง: ถ้าคุณซื้อ ThaiESG ไว้ในปี 2566 และเห็นข่าวว่า “ThaiESG ถือแค่ 5 ปี” คุณจึงรีบขายในปีที่ 6… คุณจะทำผิดเงื่อนไขทันที! เพราะล็อตของคุณต้องถือ 8 ปี
-
SSF (10 ปี): แม้ SSF จะเลิกขายไปแล้ว แต่ “ของเก่า” ที่คุณเคยซื้อไว้ (ปี 63-66) ยังคงต้องถือให้ครบ 10 ปีเต็ม เหมือนเดิม ห้ามขายก่อนกำหนดเด็ดขาด
-
RMF: ยังคงเดิมคือ ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี และ ถือจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
-
-
ผลกระทบ : หากคุณขายผิดเงื่อนไขแม้แต่กองเดียว (เช่น ขาย ThaiESG ปี 66 ในปีที่ 7 หรือ ขาย SSF ในปีที่ 9) คุณจะต้อง “คืนเงินภาษี” ที่เคยลดหย่อนไปทั้งหมด พร้อม “จ่ายภาษีจากกำไร” ที่เกิดขึ้นทันที
กับดักที่ 3: บริจาคเพลิน ลืมดูเพดาน (คิดว่าได้ 2 เท่า แต่…มีเพดาน!)
การบริจาคเป็นเรื่องที่ดี และยังได้ลดหย่อนภาษีด้วย โดยเฉพาะการบริจาคผ่านระบบ e-Donation ให้สถานศึกษาหรือโรงพยาบาลที่ได้ลดหย่อนถึง 2 เท่า
-
ข้อห้าม : ห้ามคิดว่าบริจาคไปเท่าไหร่ก็ได้ 2 เท่าทั้งหมดโดยไม่มีขีดจำกัด
-
เหตุผลเพราะ : กฎหมายกำหนด “เพดาน” การบริจาคไว้ชัดเจนครับ
-
บริจาค 2 เท่า (เช่น โรงพยาบาล, โรงเรียน): ลดหย่อนได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ต้อง ไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมิน “หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ” แล้ว
-
บริจาคทั่วไป (1 เท่า): ลดหย่อนได้ตามจริง แต่เมื่อรวมกับยอด 2 เท่าข้างบนแล้ว ทั้งหมดต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน
-
-
ตัวอย่าง : สมมติคุณมีเงินได้หลังหักลดหย่อนแล้ว 1,000,000 บาท เพดานบริจาคของคุณคือ 100,000 บาท
-
ถ้าคุณบริจาคให้ รพ. (2 เท่า) ไป 80,000 บาท
-
คุณจะคิดว่าได้ลดหย่อน 160,000 บาท (80,000 x 2)
-
ผิดครับ! คุณจะลดหย่อนได้สูงสุดแค่ 100,000 บาท (ตามเพดาน 10%) เท่านั้น การวางแผนผิดจุดนี้ ทำให้เงินที่ตั้งใจบริจาคส่วนเกิน ไม่ได้ช่วยประหยัดภาษีเลย
-
กับดักที่ 4: เชื่อว่า “ช้อปดีมีคืน” คุ้มเสมอ (คำนวณดีๆ…อาจไม่คุ้ม)
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง “ช้อปดีมีคืน” ทำให้หลายคนรีบใช้จ่ายเต็มวงเงิน (เช่น 30,000 บาท) โดยหวังว่าจะได้เงินคืนเต็มๆ
-
ข้อห้าม : ห้ามซื้อของที่ไม่จำเป็น เพียงเพราะต้องการ “ใช้สิทธิ์ให้เต็ม” โดยไม่คำนวณฐานภาษีของตัวเอง
-
ทำไมถึงพลาด : คำว่า “ลดหย่อนได้ 30,000 บาท” ไม่ได้แปลว่าคุณได้เงินคืน 30,000 บาท แต่มันคือการนำ 30,000 บาทนี้ไป “หักออกจากเงินได้” ของคุณ
-
ตัวอย่าง :
-
ถ้าคุณฐานภาษี 5%: ซื้อของ 30,000 บาท คุณจะได้ภาษีคืนจริงๆ = 30,000 x 5% = 1,500 บาท (คุ้มหรือไม่? กับการต้องจ่ายเงิน 30,000 บาทเพื่อของที่อาจไม่จำเป็น)
-
ถ้าคุณฐานภาษี 20%: ซื้อของ 30,000 บาท คุณจะได้ภาษีคืน = 30,000 x 20% = 6,000 บาท (แบบนี้เริ่มคุ้ม)
-
ถ้าคุณรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี: คุณไปช้อป… คุณก็ไม่ได้อะไรคืนเลยครับ!
-
กับดักที่ 5: ลืมสิทธิ์พื้นฐาน! (มองข้ามของใกล้มือ)
นี่คือกับดักที่น่าเสียดายที่สุดครับ หลายคนมัวแต่มองหาการลงทุนไกลตัว (ThaiESG, RMF, ประกัน) จนลืม “สิทธิ์พื้นฐาน” ที่ตัวเองมีอยู่แล้ว
-
ข้อห้าม : ห้ามยื่นภาษี โดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบสิทธิ์ลดหย่อนพื้นฐานของครอบครัว
-
ทำไมถึงพลาด : แค่ติ๊กถูก หรือกรอกข้อมูลเพิ่มไม่กี่ช่อง คุณอาจประหยัดภาษีได้หลายพันบาท จุดที่คนลืมบ่อยๆ คือ:
-
ค่าลดหย่อนบิดามารดา: (ถ้าท่านอายุเกิน 60 ปี และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี) ลดได้คนละ 30,000 บาท
-
ค่าลดหย่อนคู่สมรส: (กรณีคู่สมรสไม่มีเงินได้) ลดได้ 60,000 บาท
-
ค่าลดหย่อนบุตร: (หากมีบุตร)
-
ดอกเบี้ยบ้าน: หากกู้ร่วมกับคนอื่น แต่เราใช้สิทธิ์คนเดียวเต็ม 100,000 บาท ทั้งที่จริงต้องหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วม
-
บทสรุป
การวางแผนภาษีไม่ใช่แค่ “การซื้อ” แต่คือ “การวางแผนอย่างเชี่ยวชาญ” การหลีกเลี่ยง 5 กับดักนี้ อาจช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้มากกว่าการพยายามไล่ซื้อสินค้าลดหย่อนตัวใหม่ๆ เสียอีก