ในฐานะ “เสาหลักของบ้าน” ผมเชื่อว่าสิ่งที่พวกเราคำนึงถึงมากที่สุดไม่ใช่แค่เรื่องตัวเอง แต่คือความมั่นคงของคนข้างหลัง ยิ่งเข้าสู่ปีภาษี 2568 ที่จะต้องยื่นแบบในช่วงต้นปี 2569 การวางแผนการเงินจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน
เครื่องมือที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับคนมีภาระอย่างเราคือ “ประกัน” ครับ เพราะมันทำหน้าที่ได้ 2 เด้ง ทั้งคุ้มครองชีวิตคนหารายได้ และใช้ ลดหย่อนภาษี เพื่อเก็บเงินสดไว้ใช้จ่ายในครอบครัว วันนี้ผมสรุปเงื่อนไขล่าสุดมาให้แล้วครับว่าเราใช้อะไรลดหย่อนได้บ้าง
1. เกราะป้องกันตัวเอง: ประกันชีวิตและสุขภาพ (แสนแรก)
ด่านแรกที่หัวหน้าครอบครัวต้องมี คือการประกันความเสี่ยงของตัวเองครับ เพื่อให้มั่นใจว่าหากเกิดอะไรขึ้น คนข้างหลังจะมีทุน หรือหากเจ็บป่วยก็ไม่กระทบเงินเก็บครอบครัว
- ประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากที่มีประกันชีวิต: สามารถลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุด 100,000 บาท
- ประกันสุขภาพตนเอง: ลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุด 25,000 บาท
- เงื่อนไขสำคัญ: ยอดรวมของ “เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป” และ “เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง” เมื่อรวมกันแล้วต้อง ไม่เกิน 100,000 บาท
2. วางแผนเกษียณ: ประกันชีวิตแบบบำนาญ (แสนที่สองและสาม)
ไม่อยากเป็นภาระลูกหลานตอนแก่ ต้องวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้ครับ ประกันบำนาญช่วยให้เรามีเงินใช้ยามชรา และยังช่วยขยายเพดานลดหย่อนภาษีเพิ่มได้อีกก้อนใหญ่
-
สิทธิลดหย่อน: หักได้ 15% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท
-
เงื่อนไข “ตะกร้าเกษียณ 500,000” ยอดเบี้ยประกันบำนาญ เมื่อนำไปรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ได้แก่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กบข., กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, RMF และ กอช. รวมกันทั้งหมดต้อง ไม่เกิน 500,000 บาท
3. ดูแลคนในบ้าน: ประกันให้คู่สมรสและพ่อแม่
ความรักความห่วงใยที่เรามีให้คนในครอบครัว รัฐบาลก็สนับสนุนให้เปลี่ยนเป็นสิทธิลดหย่อนภาษีได้ครับ
-
ประกันชีวิตคู่สมรส: กรณีที่ภรรยา (หรือสามี) ไม่มีเงินได้ เราสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตของเขามาลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุด 10,000 บาท
-
ประกันสุขภาพบิดามารดา: การทำประกันสุขภาพให้พ่อแม่ (ทั้งพ่อแม่เราและพ่อแม่คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้) นำมาลดหย่อนได้ตามจริง รวมกันสูงสุด 15,000 บาท
เรื่องที่หัวหน้าครอบครัวมักเข้าใจผิด ประกันสุขภาพลูก
มีอีกหนึ่งจุดที่พ่อแม่มือใหม่อย่างเรามักสับสน คือเรื่อง “ลูก” ครับ
-
สิ่งที่ลดหย่อนได้: คือ “ตัวเด็กเอง” (ค่าลดหย่อนบุตร) โดยคนแรกได้ 30,000 บาท และคนที่ 2 ขึ้นไป (เกิดตั้งแต่ปี 2561) ได้ถึง 60,000 บาท
-
สิ่งที่ลดหย่อนไม่ได้: คือ “เบี้ยประกันสุขภาพลูก” ครับ
หลายคนตกใจพอรู้ว่าเบี้ยประกันลูกเอามายื่นภาษีไม่ได้ (ต่างจากเบี้ยประกันของพ่อแม่เราที่ลดหย่อนได้ 15,000 บาท) แต่ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ผมขอยืนยันว่า “ประกันสุขภาพลูก คือสิ่งที่ห้ามตัดทิ้งเด็ดขาด”
ทำไมถึงสำคัญ? เพราะเด็กเล็กภูมิต้านทานยังน้อย ป่วยง่ายและบ่อยมาก เดี๋ยวไข้หวัดใหญ่ เดี๋ยว RSV ค่ารักษาพยาบาลเด็กสมัยนี้แอดมิททีหนึ่งหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท หากเราไม่มีประกันรองรับ “เงินออมของครอบครัว” ที่เราตั้งใจเก็บไว้เกษียณหรือไว้เป็นค่าเทอมลูก อาจจะต้องถูกดึงออกมาจ่ายค่ารักษาจนหมด
สรุปมุมมองหัวหน้าครอบครัว: ให้มองว่าประกันสุขภาพลูกคือ “เกราะป้องกันเงินออม” (Wealth Protection) ไม่ใช่เครื่องมือลดหย่อนภาษีครับ จ่ายทิ้งเพื่อซื้อความเสี่ยง ดีกว่าต้องควักเงินเก็บทั้งชีวิตมาจ่ายค่าหมอนะครับ





