เมื่อสถานะเปลี่ยนจาก “โสด” เป็น “สมรส” เรื่องเงินๆ ทองๆ ก็เปลี่ยนตาม โดยเฉพาะช่วงเทศกาลยื่นภาษี หลายคู่มักเกิดคำถามยอดฮิตว่า “เราควรยื่นภาษีรวมกัน หรือแยกกันยื่นเหมือนเดิมดี?”
เพราะการเลือกวิธีคำนวณผิด อาจหมายถึงการเสียโอกาสในการประหยัดเงินภาษีหลักหมื่นบาท! วันนี้เราสรุปหลักคิดง่ายๆ มาให้ชาวออฟฟิศที่มีคู่ได้วางแผนกันครับ
รู้จัก 3 ทางเลือกในการ “ยื่นภาษีคู่สมรส”
ตามกฎหมาย เมื่อจดทะเบียนสมรสแล้ว คู่รักสามารถเลือกวิธียื่นภาษีได้ 3 แบบหลักๆ คือ:
-
ต่างคนต่างยื่น (แยกยื่น): คิดเงินได้ใครเงินได้มัน เหมือนตอนเป็นโสด
-
รวมยื่น (โอนรายได้ไปให้อีกฝ่าย): นำรายได้ของภรรยาไปรวมกับสามี (หรือสามีรวมกับภรรยา) แล้วยื่นในชื่อคนเดียว
-
แยกยื่นเฉพาะเงินเดือน: ส่วนรายได้อื่นๆ (เช่น ปันผลหุ้น, ค่าเช่า, ฟรีแลนซ์) นำไปรวมยื่นกับอีกฝ่าย
แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด เราจะโฟกัสที่ 2 กรณีหลักที่เจอบ่อยที่สุด คือ “แยกยื่น” กับ “รวมยื่น” ครับ
สถานการณ์ไหนควรยื่นแยก หรือยื่นรวม
หลักการสำคัญของภาษีไทยคือ “ยิ่งรายได้รวมสูง ฐานภาษียิ่งสูง” (Progressive Tax Rate) ดังนั้นเป้าหมายของเราคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ฐานภาษีสุทธิของทั้งคู่อยู่ในเกณฑ์ต่ำที่สุด
1. กรณีที่ควร “แยกยื่น” (ต่างคนต่างยื่น)
สถานการณ์: “รายได้สูงทั้งคู่” หากคุณและคู่สมรสเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีทั้งคู่ (เช่น เงินเดือนเกิน 26,000 บาทขึ้นไปทั้งสองคน)
-
เหตุผล: หากนำรายได้มารวมกัน จะทำให้ “เงินได้สุทธิ” พุ่งสูงขึ้นจนกระโดดข้ามฐานภาษี (เช่น จากฐาน 10% กระโดดไป 20% หรือ 30%) ทำให้ต้องเสียภาษีแพงขึ้นมากโดยไม่จำเป็น
-
ข้อดีเพิ่มเติม: ต่างคนต่างใช้สิทธิลดหย่อนส่วนตัวได้เต็มที่ (คนละ 60,000 บาท + ค่าใช้จ่าย 50% ไม่เกิน 100,000 บาท)
สรุป: คู่รักวัยทำงานที่ทำงานประจำทั้งคู่ “แยกยื่น” มักจะคุ้มที่สุด 90% ครับ
2. กรณีที่ควร “รวมยื่น” (ยื่นรวมกัน)
สถานการณ์: “ฝ่ายหนึ่งรายได้เยอะ อีกฝ่ายไม่มีรายได้ (หรือรายได้น้อยมาก)” เช่น สามีทำงานบริษัท (รายได้สูง) ส่วนภรรยาเป็นแม่บ้าน (ไม่มีรายได้) หรือลาออกมาเลี้ยงลูก
-
เหตุผล: กรมสรรพากรกำหนดว่า หากคู่สมรสไม่มีเงินได้ ฝ่ายที่มีเงินได้สามารถนำมา ลดหย่อนคู่สมรสได้ 60,000 บาท ทันที
-
เทคนิค: การรวมยื่นจะช่วยให้ฝ่ายที่มีรายได้นำสิทธิลดหย่อนของอีกฝ่ายมาช่วยตัดทอนภาษีของตัวเองได้
สรุป: เหมาะสำหรับครอบครัวแบบ Single Income (หารายได้คนเดียว)

ค่าลดหย่อนบิดามารดา (พ่อแม่)
โควตา: คนละ 30,000 บาท ต่อพ่อ/แม่ 1 คน เงื่อนไข: พ่อแม่ต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี หลักการ: “ลูกใครลูกมัน” (ยกเว้นคู่สมรสไม่มีรายได้)
-
แยกยื่น (ต่างคนต่างยื่น):
-
สามี: หักพ่อแม่ ตัวเอง ได้ (สูงสุด 2 คน = 60,000) ห้าม หักพ่อแม่ภรรยา
-
ภรรยา: หักพ่อแม่ ตัวเอง ได้ (สูงสุด 2 คน = 60,000) ห้าม หักพ่อแม่สามี
-
-
รวมยื่น (กรณีทั้งคู่มีเงินได้แต่มารวมคำนวณ):
-
นำสิทธิของทั้งคู่มารวมกันได้ เช่น สามียื่นภาษี ก็ใส่ลดหย่อนพ่อแม่ตัวเอง + พ่อแม่ภรรยา (ในส่วนสิทธิของภรรยา) ลงไปในแบบฟอร์มได้เลย
-
-
กรณีพิเศษ (คู่สมรสไม่มีรายได้):
-
หากภรรยาไม่มีรายได้ (สามียื่นคนเดียว) สามีสามารถนำพ่อแม่ภรรยามาลดหย่อนได้ด้วยครับ (ถือว่าอุปการะพ่อแม่คู่สมรส)
-
ข้อควรระวัง: สิทธิพ่อแม่ “ลูกใช้ได้คนเดียว” หากคุณมีพี่น้อง ต้องตกลงกันให้ดีว่าปีนี้ใครจะใช้สิทธิหักลดหย่อนพ่อแม่ ห้ามใช้ซ้ำกันเด็ดขาด (สรรพากรเช็กเจอโดนเบี้ยปรับครับ)
ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย (ค่าผ่อนบ้าน)
โควตา: ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท หลักการ: ดูที่สัญญาการกู้ว่าเป็น “กู้เดี่ยว” หรือ “กู้ร่วม”
กรณี: กู้ร่วม (สามี-ภรรยา กู้ซื้อบ้านด้วยกัน)
-
แยกยื่น (ต่างคนต่างยื่น):
-
สิทธิจะถูก “หารครึ่ง” ทันทีครับ
-
เช่น จ่ายดอกเบี้ยจริงไป 100,000 บาท -> สามีหักได้ 50,000 / ภรรยาหักได้ 50,000
-
-
รวมยื่น (ยื่นรวมกัน):
-
สามารถนำยอดดอกเบี้ยมารวมกันได้สูงสุด 100,000 บาท ในแบบยื่นภาษีฉบับเดียว
-
จุดตัดสินใจ: หากดอกเบี้ยบ้านเยอะ (เกิน 100,000) การแยกยื่นหรือรวมยื่นค่าเท่ากัน (เพราะตันที่เพดาน 100,000) แต่ถ้าดอกเบี้ยน้อย การหารครึ่งอาจจะทำให้เศษที่เหลือลดหย่อนได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยในบางเคส แต่โดยรวมมักไม่ต่างกันมากครับ
ค่าลดหย่อนบุตร (ลูก)
โควตา: คนละ 30,000 บาท (ลูกคนแรก) และ 60,000 บาท (ลูกคนที่ 2 เป็นต้นไป ที่เกิดปี 2561 เป็นต้นมา) หลักการ: กฎหมายปัจจุบันใจดีมาก ให้สิทธิ “พ่อก็ใช้ได้ แม่ก็ใช้ได้” (เบิ้ลสิทธิ)
-
แยกยื่น (ต่างคนต่างยื่น):
-
พ่อ: หักลดหย่อนลูกได้ 30,000 บาท
-
แม่: หักลดหย่อนลูกคนเดิมได้อีก 30,000 บาท
-
เท่ากับว่าลูก 1 คน สร้างสิทธิลดหย่อนให้ครอบครัวรวม 60,000 บาท
-
-
รวมยื่น (ยื่นรวมกัน):
-
ฝ่ายที่ยื่นภาษี (เช่น สามียื่น) สามารถใช้สิทธิลดหย่อนบุตรได้ 30,000 บาท (กรณีมีลูกคนเดียว)
-
-
-
ผลลัพธ์เมื่อยื่นรวมกันจะหักลดหย่อนได้แค่ 30,000 บาท
-
สรุปจุดตัดสินใจ
- รายได้เยอะทั้งคู่ แยกยื่น ป้องกันฐานภาษีกระโดดสูงขึ้น
- รายได้เยอะ 1 คน อีกคนไม่มีรายได้ รวมยื่น ใช้สิทธิลดหย่อนคู่สมรส
- รายได้เยอะ 1 คน อีกคนรายได้ต่ำหรือปานกลาง ต้องคำนวณเปรียบเทียบ





