เลือกประกันชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่า สำหรับคนที่เน้นผลตอบแทน

ผลตอบแทนประกันชีวิต

รับความรู้ดี ๆ อัปเดตความรู้เรื่องประกันรถ เคล็ดลับดูแลรถ และสิทธิพิเศษดี ๆ ส่งตรงถึง Inbox ทุกเดือน สมัครฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

หลายคนเวลาเลือกซื้อของ มักจะคิดเสมอว่า “ต้องคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป” ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพ การใช้งาน หรือความคุ้มค่าโดยรวม

แต่พอพูดถึง ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ โดยเฉพาะช่วงสิ้นปี ที่หลายคนมองหาทางเลือกในการ ลดหย่อนภาษี หนึ่งในแบบที่นิยมกันมากก็คือ “ประกันสะสมทรัพย์”

อย่างไรก็ตาม หลายคนยังตัดสินใจจาก

  • 💸 เงินคืน ที่เห็นในโบรชัวร์

  • 🤝 หรือ เชื่อใจคนขาย เพียงอย่างเดียว

ซึ่งอาจทำให้มองข้ามภาพรวมที่แท้จริงของผลตอบแทนและความคุ้มครองไป

👉 คำตอบคือ เราควรดูที่ IRR (Internal Rate of Return) เพื่อวัดความคุ้มค่าที่แท้จริง

IRR คืออะไร?

IRR (Internal Rate of Return) คืออัตราผลตอบแทนที่แท้จริงต่อปี ตลอดอายุสัญญา คำนวณจากเงินสดที่เรา “จ่ายออก” และ “รับกลับ” ได้แก่:

  • เงินออก: เบี้ยประกันที่เราจ่าย

  • เงินเข้า: เงินคืนระหว่างสัญญา + เงินครบสัญญา + สิทธิประโยชน์ทางภาษี

พูดง่าย ๆ 👉 IRR เป็น ตัวเลขเดียว ที่ช่วยบอกว่า ถ้าซื้อประกันนี้ เราจะได้ผลตอบแทนจริง ๆ กี่ % ต่อปี

ทำไม IRR สำคัญกว่าการดูแค่ “เงินคืน”?

1. บอกความคุ้มค่าที่แท้จริง

เงินคืน 2%–3% ที่เห็นในโบรชัวร์ อาจดูเยอะ แต่จริง ๆ อาจไม่คุ้ม หากหักลบเบี้ยที่จ่ายไปแล้ว
IRR รวมทุกปัจจัยให้เห็นภาพ ผลตอบแทนสุทธิจริง ๆ

2. ใช้เปรียบเทียบแบบประกันได้

เช่น

  • แบบ A 👉 IRR = 2.8%

  • แบบ B 👉 IRR = 2.3%
    (ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน)
    แบบ A ชัดเจนว่าคุ้มกว่า

3. รวมผลประโยชน์ภาษีด้วย

ถ้าใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ IRR จะยิ่งสูงขึ้น ถือเป็น “กำไรเสริม” ที่ไม่ควรมองข้าม

ตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพ

สมมติว่าเลือก ประกันสะสมทรัพย์ 2 แบบ

แบบ A

  • จ่ายเบี้ย: 100,000 บาท/ปี × 5 ปี

  • สัญญา: 10 ปี

  • เงินคืนระหว่างสัญญา: 4% ของทุนประกัน/ปี

  • ครบสัญญา: ได้คืน 550% ของทุนประกัน

  • ใช้สิทธิภาษีเต็ม (ฐานภาษี 20%) ได้คืน 20,000 บาท/ปี

👉 IRR ประมาณ 3.1% ต่อปี

แบบ B

  • จ่ายเบี้ย: 100,000 บาท/ปี × 5 ปี

  • สัญญา: 10 ปี

  • เงินคืนระหว่างสัญญา: 2% ของทุนประกัน/ปี

  • ครบสัญญา: ได้คืน 600% ของทุนประกัน

  • ใช้สิทธิภาษีเต็มเช่นกัน

👉 IRR ประมาณ 2.6% ต่อปี

ถึงแม้แบบ B จะดูเหมือนได้เงินครบสัญญามากกว่า แต่ เมื่อคิดเป็น IRR จริง ๆ กลับได้น้อยกว่าแบบ A

นี่คือเหตุผลว่าทำไม ต้องใช้ IRR ในการเปรียบเทียบ ไม่ใช่ดูแค่ตัวเลขเงินคืนหรือเงินก้อนสุดท้าย

IRR

IRR เพียงพอหรือยัง?

แม้ IRR จะเป็นตัวช่วยสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ควรใช้ตัดสินใจ ก่อนซื้อควรพิจารณาเพิ่มเติมด้วยว่า

  • ความคุ้มครองชีวิต ครอบคลุมแค่ไหน

  • ผลประโยชน์เพิ่มเติม เช่น คุ้มครองอุบัติเหตุ โรคร้ายแรง ค่ารักษาพยาบาล

  • ความยืดหยุ่น เช่น ระยะเวลาชำระเบี้ย เงื่อนไขเวนคืน

  • สิทธิภาษี เข้าข่ายตามกฎหมายจริงหรือไม่

สรุป

ถ้าอยากซื้อ ประกันสะสมทรัพย์ให้คุ้มค่า สำหรับคนที่เน้นผลตอบแทน

  1. ดู IRR เป็นหลัก เพื่อเห็นภาพผลตอบแทนจริงต่อปี

  2. พิจารณาควบคู่กับ ความคุ้มครอง จุดประสงค์ และเป้าหมายชีวิตของคุณ

เพราะสุดท้ายแล้ว…
ประกันที่ดีที่สุด ไม่ใช่แบบที่เงินคืนสูงสุด
แต่คือแบบที่ ตอบโจทย์ทั้ง “ผลตอบแทน” และ “ความคุ้มครอง” ไปพร้อมกัน

แชร์บทความนี้