เปิดแคลอรี่ 4 เมนูเด็ดอาหารตามสั่ง จานโปรดที่ต้องวิ่งเบิร์นกันหอบ!
“มื้อเที่ยงนี้กินอะไรดี?” คำถามยอดฮิตที่มักจะจบลงด้วยเมนู “อาหารตามสั่ง” เพราะทั้งสะดวก รวดเร็ว และอร่อยถูกปาก แต่เคยสงสัยไหมว่าเบื้องหลังความอร่อยนั้นแฝงไปด้วยแคลอรี่ที่สูงจนน่าตกใจ ซึ่งกว่าจะเผาผลาญออกไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนตอนสั่งเลย
บทความนี้จะพามาเปิดลิสต์ 4 เมนูอาหารตามสั่งยอดฮิต พร้อมเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ว่าหากทานเข้าไปแล้ว จะต้องใช้เวลาวิ่งนานแค่ไหนถึงจะเบิร์นแคลอรี่หมด
หมายเหตุ: ตัวเลขการวิ่งเป็นการคำนวณโดยประมาณ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว เพศ และความเร็วในการวิ่ง
1. กะเพราหมูสับ + ไข่ดาว
เมนูสิ้นคิดที่ครองใจคนไทย แต่แคลอรี่ไม่สิ้นคิดตามไปด้วย ด้วยปริมาณน้ำมันที่ใช้ผัด หมูสับที่มักมีมันแทรก และไข่ดาวที่อมน้ำมัน ทำให้จานนี้มีแคลอรี่สูงลิ่ว
-
ปริมาณแคลอรี่: ประมาณ 610 Kcal (หากเพิ่มไข่ดาว + อีก ~160-200 Kcal)
-
ต้องวิ่งเบิร์น: ประมาณ 90-100 นาที
2. เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วหมู
เมนูนี้คือการรวมตัวของแป้งจากเส้นใหญ่ น้ำมันที่ใช้ผัด และเครื่องปรุงรสจัดจ้านทั้งน้ำตาลและโซเดียม ทำให้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ให้พลังงานสูงมาก
-
ปริมาณแคลอรี่: ประมาณ 675 Kcal
-
ต้องวิ่งเบิร์น: ประมาณ 90-95 นาที (หรือปั่นจักรยานต่อเนื่องเกือบ 2 ชั่วโมง)
3. ผัดคะน้าหมูกรอบ
แค่ได้ยินชื่อก็สัมผัสได้ถึงความอร่อยและความมัน แม้ผักคะน้าจะมีประโยชน์ แต่เมื่อนำมาผัดกับหมูกรอบชิ้นโตที่ผ่านการทอดจนกรอบฟู ก็ทำให้แคลอรี่ของจานนี้พุ่งสูงขึ้นทันที
-
ปริมาณแคลอรี่: ประมาณ 520 Kcal
-
ต้องวิ่งเบิร์น: ประมาณ 70-75 นาที
4. ข้าวหมูทอดกระเทียม
อีกหนึ่งเมนูทำง่ายที่หลายคนชื่นชอบ จุดที่ทำให้แคลอรี่สูงคือปริมาณน้ำมันที่ใช้ทอดหมูและเจียวกระเทียมให้เหลืองกรอบ ยิ่งทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ยิ่งให้พลังงานสูง
-
ปริมาณแคลอรี่: ประมาณ 495 Kcal
-
ต้องวิ่งเบิร์น: ประมาณ 60-65 นาที
สรุป: ทานได้แต่ต้องสมดุล
การทราบข้อมูลแคลอรี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะทานเมนูโปรดเหล่านี้ไม่ได้เลย แต่เป็นการสร้างความตระหนักรู้เพื่อให้เราทานอย่างพอดีและรู้จักวางแผนการออกกำลังกายควบคู่กันไป
เคล็ดลับง่ายๆ ในการลดแคลอรี่:
-
สั่งอาหาร: ลองบอกร้านว่า “ผัดแบบใช้น้ำมันน้อย”
-
เลือกเนื้อสัตว์: เปลี่ยนจากหมูกรอบหรือหมูสับติดมันเป็นเนื้ออกไก่
-
ท็อปปิ้ง: เปลี่ยนจากไข่ดาวเป็นไข่ต้ม
-
ใส่ใจสุขภาพ: การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดคือการสร้างสมดุลระหว่างการกินและการออกกำลังกาย การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กับการมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล (ทั้งผู้ป่วยใน IPD และผู้ป่วยนอก OPD) ก็จะช่วยให้เราอุ่นใจและพร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดได้ครับ
ข้อมูลจาก: Mthai Woman