Back to top

diabetes-cure-truth

เบาหวานหายขาดกับคุมได้ ต่างกันอย่างไร

คุณอาจจะเคยเห็นข้อมูลแชร์กันในโซเชียลมีเดียว่า “เบาหวานรักษาหายได้โดยไม่ใช้ยา” หรือ “สมุนไพรตัวนั้น น้ำต้มใบนี้ ช่วยให้เบาหวานที่เป็นมานานหายขาดได้” คำถามคือ… มันจริงหรือเปล่า?

ก่อนอื่น… “เบาหวาน” คืออะไรกันแน่?

พูดแบบง่ายที่สุด “เบาหวาน” ก็ตามชื่อเลย คือภาวะที่ “ปัสสาวะ” (เบา) มีรส “หวาน” ซึ่งในสมัยก่อนเราจะรู้ได้เพราะมีมดมาตอมปัสสาวะ

ที่ปัสสาวะหวานก็เพราะว่า มีน้ำตาลในเลือดสูงมาก จนมันล้นออกมาทางปัสสาวะนั่นเองครับ

คำถามคือ: แล้วทำไมน้ำตาลในเลือดถึงสูง?

ในคนปกติ เวลาเรากินของหวานหรือแป้งเข้าไป น้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นแป๊บเดียว แล้วก็มีฮอร์โมนตัวหนึ่งชื่อ “อินซูลิน” (Insulin) ออกมาทำหน้าที่พาน้ำตาลเหล่านั้นเข้าไปเก็บในเซลล์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นพลังงาน น้ำตาลในเลือดเราก็จะกลับมาปกติ

แต่คนที่เป็นเบาหวาน กระบวนการนี้มีปัญหาครับ ซึ่งสาเหตุหลักๆ มีดังนี้:

  1. ร่างกายขาดอินซูลิน: คือตับอ่อน (อวัยวะที่สร้างอินซูลิน) ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ หรือผลิตได้น้อยมาก

  2. ร่างกายดื้ออินซูลิน: คือมีอินซูลินนะ… แต่ร่างกายไม่ตอบสนอง หรืออินซูลินทำงานได้ไม่ดี ทำให้น้ำตาลยังค้างอยู่ในเลือดเต็มไปหมด

 

เบาหวานมีกี่ชนิด

จริงๆ เบาหวานมีหลายชนิดย่อยมากครับ แต่ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี จะมี 3 ชนิดหลักๆ:

  1. เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1):

    • มักเจอในคนอายุน้อย, รูปร่างผอม

    • สาเหตุ: ร่างกาย “ไม่สามารถสร้างอินซูลิน” ได้เพียงพอ เพราะเซลล์ในตับอ่อนที่ทำหน้าที่นี้ถูกทำลายไป (เช่น จากภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง หรือตับอ่อนอักเสบรุนแรง)

  2. เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2):

    • มักเจอในคนอายุเยอะ, มีภาวะอ้วน หรือน้ำหนักเกิน

    • สาเหตุ: ร่างกาย “ดื้อต่ออินซูลิน” (Insulin Resistance) คือมีอินซูลิน แต่ทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าเดิม ส่วนใหญ่สัมพันธ์กับไขมันในร่างกายที่เยอะเกินไป

  3. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational):

    • เกิดจากฮอร์โมนตอนตั้งครรภ์ไปรบกวนการทำงานของอินซูลิน มักจะดีขึ้นหลังคลอด แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคตครับ

คำถามสำคัญ เบาหวานรักษาให้หายขาดได้ไหม

นี่คือประเด็นหลักที่หลายคนสงสัย มาแยกทีละชนิดกันครับ

1. เบาหวานชนิดที่ 1 (ที่เซลล์สร้างอินซูลินตายไปแล้ว)

คำตอบคือ: (ส่วนใหญ่) ไม่หายขาดครับ

เพราะเซลล์ที่ใช้สร้างอินซูลินมันเสียไปแล้ว ร่างกายสร้างขึ้นมาใหม่เองไม่ได้ การรักษาหลักคือการ “ควบคุม” โดยการฉีดอินซูลินเข้าไปทดแทน

แล้วที่เขาบอกว่าหายล่ะ?

สิ่งที่หลายคนเรียกว่า “หาย” จริงๆ คือการ “คุมน้ำตาลได้ดี” โดยการคุมอาหารอย่างเข้มงวด (เช่น ไม่กินแป้งเลย) พอกินน้ำตาลน้อย ร่างกายก็ต้องการอินซูลินน้อยลง แต่ตัวโรคยังอยู่ครับ ถ้ากลับไปกินเหมือนเดิม น้ำตาลก็พุ่งเหมือนเดิม

ทางเดียวที่จะ “หายขาด” จริงๆ สำหรับชนิดที่ 1 คือการ “ปลูกถ่ายตับอ่อน” ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ซับซ้อน และไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้หรือทำแล้วจะสำเร็จ 100% ครับ

 

2. เบาหวานชนิดที่ 2 (ที่เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน/ความอ้วน)

คำตอบคือ: (บางกรณี) “หาย” ได้ครับ!

ข่าวดีคือ สำหรับคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (โดยเฉพาะคนที่อ้วน และเพิ่งเป็นมาไม่นาน) มีโอกาสหายได้

เงื่อนไขคือ: ถ้าคุณสามารถ “ลดน้ำหนักตัวตั้งต้นลงมาได้ 15-20%”

  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณหนัก 100 กิโลกรัม แล้วลดน้ำหนักลงมาเหลือ 80-85 กิโลกรัม (ลดไป 15-20 โล) และคุมน้ำหนักไว้ตรงนั้นได้ เบาหวานของคุณ “มีโอกาสหายได้” โดยไม่ต้องกินยาเลยครับ

  • ข้อควรระวัง: ถ้าคุณกลับไปอ้วนเหมือนเดิม… เบาหวานก็จะกลับมาเหมือนเดิมครับ และถ้าคุณเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มานานมากๆ (เป็น 10-20 ปี) โอกาสที่จะหายขาดก็จะน้อยลงมาก เพราะร่างกายอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถาวรไปแล้ว

 

3. เบาหวานขณะตั้งครรภ์

คำตอบคือ: (ส่วนใหญ่) หายครับ

เมื่อคลอดลูกแล้ว ฮอร์โมนกลับมาปกติ เบาหวานก็มักจะหายไปเองครับ

 

“หายขาด” กับ “คุมได้” ไม่เหมือนกัน

นี่คือจุดที่คนสับสนมากที่สุดครับ

  • “หายขาด” (Cure/Remission): หมายความว่า คุณกลับไปเป็นคนปกติ คุณไปกินเค้ก กินของหวานได้ (ในปริมาณที่คนทั่วไปกิน) แล้วน้ำตาลในเลือดคุณ “ไม่สูง”

  • “คุมได้” (Control): หมายความว่า น้ำตาลคุณปกติ “เพราะว่า” คุณคุมอาหารอย่างหนัก งดแป้ง งดหวาน และ/หรือ ออกกำลังกายอย่างหนัก (หรือกินยา) แต่ถ้าคุณเผลอไปกินเค้ก… น้ำตาลคุณจะพุ่งสูงปรี๊ดทันที

สิ่งที่อินฟลูเอนเซอร์ หรือคอร์สต่างๆ สอนกันว่า “หายขาดได้โดยไม่ใช้ยา” ส่วนใหญ่คือการ “คุมได้” ครับ

 

วิธี IF, Keto ต่างจากที่หมอบอกยังไง

เวลาคุณไปหาหมอ หมอจะแนะนำอะไรครับ?

  1. คุมอาหาร: ลดของหวาน มัน เค็ม ลดแป้ง

  2. ออกกำลังกาย

  3. ลดน้ำหนัก (ถ้าอ้วน)

  4. ใช้ยา (ถ้าจำเป็น)

ปัญหาก็คือ… คนส่วนใหญ่ทำข้อ 1-3 ไม่ค่อยได้ เพราะมันไม่อร่อย ไม่สนุก หรือไม่มีวินัย

ทีนี้ พอมีคนมาบอกว่า “รักษาเบาหวานให้หายได้” ด้วยการทำ IF (Intermittent Fasting) หรือกิน Keto Diet (กินไขมันสูง งดแป้ง) แล้วคนทำตาม… น้ำตาลก็ลดลงจริงๆ จนหยุดยาได้!

ความจริงก็คือ: การทำ IF หรือ Keto มันก็คือ “การคุมอาหาร” ในรูปแบบหนึ่งนั่นเองครับ!

มันคือวิธีที่ทำให้คุณ “ลดพลังงาน ลดคาร์โบไฮเดรต และลดน้ำตาล” ที่เข้าร่างกาย พอน้ำตาลเข้าน้อย ร่างกายก็คุมน้ำตาลได้ดีขึ้น… ซึ่งมันก็คือหลักการเดียวกับที่หมอบอกตั้งแต่แรกนั่นแหละครับ

คำเตือน: IF และ Keto ไม่ใช่ยาวิเศษ

  • การทำ IF แบบหักโหม (เช่น กิน 1 ชม. อด 23 ชม.) เป็นอันตรายครับ ควรค่อยเป็นค่อยไป

  • การกิน Keto (เน้นไขมัน) ตลอดเวลา ไม่ใช่ภาวะปกติของมนุษย์ ร่างกายต้องการความสมดุล (ทางสายกลาง) การกินไขมันมากไปก็มีปัญหาอื่นตามมาได้ เช่น ไขมันในเลือดสูง (LDL)

  • ห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด! หากคุณจะปรับเปลี่ยนการกินอาหาร ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อ “ปรับลดยา” ให้เหมาะสม ไม่อย่างนั้นอาจเกิดภาวะ “น้ำตาลต่ำ” (Hypoglycemia) ซึ่งอันตรายมากครับ

 

2 ความเชื่อผิดๆ ที่ต้องรู้ (E-A-T)

มีสองเรื่องที่อยากย้ำมากๆ เพราะคนกังวลและเข้าใจผิดเยอะครับ

1. ความเชื่อ: “กินยาเบาหวานนานๆ เดี๋ยวตับพัง ไตวาย”

ความจริง: สิ่งที่ทำให้ “ตับพัง” และ “ไตวาย” คือ “ภาวะเบาหวานที่คุมไม่ได้” ต่างหาก

การที่น้ำตาลในเลือดสูงตลอดเวลา มันจะไปทำลายเส้นเลือดฝอยที่ไตและอวัยวะต่างๆ ส่วน “ยา” (เช่น Metformin) ที่หมอให้ มันเข้าไป “ช่วย” ท่านคุมน้ำตาล เพื่อ “ป้องกัน” ไม่ให้ไตท่านวายครับ (ยกเว้นในคนที่ไตวายรุนแรงไปแล้ว หรือตับแย่มากๆ ซึ่งหมอจะไม่สั่งยาบางตัวให้อยู่แล้ว)

 

2. ความเชื่อ: “น้ำต้มใบกระท่อม กัญชา หรือสมุนไพร… ช่วยรักษาเบาหวานได้”

ความจริง: ไม่จริงเลยครับ

หลักการรักษาเบาหวานคือการ “ควบคุมสิ่งที่กินเข้าไป” (ลดแป้ง ลดน้ำตาล) ไม่ใช่การ “เอาอะไรเข้าไปเพิ่ม” ครับ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเสริม หรือโครเมียม หรือสมุนไพรใดๆ ก็ตาม มันไม่สามารถทดแทนการคุมอาหารและการออกกำลังกายได้ครับ

 

เรื่องน่าคิด เบาหวาน ค่ารักษา และ “ประกันสุขภาพ”

อีกหนึ่งความกังวลที่มักจะมาคู่กับโรคเบาหวาน ก็คือเรื่องของ “ค่าใช้จ่าย” ครับ

ต้องเข้าใจก่อนว่า เบาหวานเป็น “โรคเรื้อรัง” (Chronic Disease) หมายความว่ามันอาจจะอยู่กับเราไปอีกนาน การดูแลจึงไม่ใช่แค่การรักษาครั้งเดียวจบ แต่เป็นการพบแพทย์, ตรวจเลือด, รับยา และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

และอย่างที่คุณหมอได้ย้ำไปครับว่า สิ่งที่น่ากลัวกว่าตัวโรคเบาหวาน ก็คือ “โรคแทรกซ้อน” ที่มักจะมาเป็นแพ็กเกจ เช่น:

  • เบาหวานขึ้นจอตา (อาจทำให้ตาบอด)

  • เบาหวานลงไต (อาจต้องฟอกไต)

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด

  • ปัญหาแผลที่เท้าเรื้อรัง

ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคแทรกซ้อนเหล่านี้ “สูงมาก” นะครับ

นี่คือจุดที่ ประกันสุขภาพ เข้ามามีบทบาทสำคัญครับ

การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุม ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่เป็นโรค แต่มันคือ “เครื่องมือบริหารความเสี่ยง” ที่ช่วยให้คุณ:

  1. ลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย: ทำให้คุณกล้าที่จะไปพบแพทย์ตามนัด, ตรวจเช็คร่างกายอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องกังวลว่า “ไปหาหมอครั้งนี้จะเสียเงินเท่าไหร่”

  2. เข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด: หากจำเป็นต้องใช้ยาที่ตรงจุด หรือต้องรับการรักษาโรคแทรกซ้อนที่ซับซ้อน ประกันจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายหนักๆ ตรงนี้ได้

  3. มีสมาธิกับการดูแลตัวเอง: เมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน คุณก็สามารถทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปที่การคุมอาหาร ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพใจให้ดีที่สุดได้เต็มที่ครับ

สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน หรือแม้แต่คนที่ยังไม่เป็นแต่มีความเสี่ยง (เช่น มีภาวะอ้วน หรือมีคนในครอบครัวเป็น) การวางแผนเรื่องประกันสุขภาพไว้แต่เนิ่นๆ จึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการ “จัดการ” กับโรคนี้อย่างสบายใจในระยะยาวครับ

 

สรุปส่งท้าย: ความจริงของเบาหวาน

  1. เบาหวาน “หายขาด” ได้ แต่เฉพาะใน “บางกรณี” เท่านั้น (เช่น ชนิดที่ 2 ที่อ้วนและเพิ่งเป็น แล้วลดน้ำหนักได้ 15-20% หรือชนิดที่ 1 ที่ปลูกถ่ายตับอ่อนสำเร็จ)

  2. ใครที่บอกว่า “หายขาดได้ทุกชนิด ทุกคน”… ให้สงสัยไว้ก่อนเลยครับว่าเขา “โกหก” หรือ “ไม่รู้จริง”

  3. การทำ IF, Keto หรือวิธีคุมอาหารอื่นๆ มันคือการ “ควบคุม” โรค ไม่ใช่การ “รักษา” โรคให้หายขาด และเป็นหลักการเดียวกับที่หมอแนะนำอยู่แล้ว

  4. ยาเบาหวานไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เบาหวานที่คุมไม่ได้ต่างหากคือผู้ร้ายตัวจริง

  5. สมุนไพรช่วยไม่ได้ การคุมอาหารและออกกำลังกายเท่านั้นคือหัวใจสำคัญครับ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องเบาหวานได้ชัดเจนขึ้น ไม่ต้องกังวล และมีแนวทางในการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องนะครับ

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก 

  • อ. นพ. ธานี ธานีวรรณ
  • https://diabetes.org/newsroom/international-experts-outline-diabetes-remission-diagnosis-criteria
  • https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30852132/
ลงทะเบียนตอนนี้ เพื่อไม่ให้พลาดเนื้อหาสำคัญ และข่าวสารอัปเดตก่อนใคร