คนทำครัวทุกคนต้องเคยเจอปัญหานี้: กระทะเคลือบ Non-stick หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “กระทะเทฟล่อน” ที่เคยลื่นไหลไม่ติดกระทะ เริ่มมีรอยขีดข่วนจากการใช้งาน คำถามที่ตามมาทันทีคือ “มันยังปลอดภัยอยู่ไหม?” “ถ้าเผลอกินเศษที่หลุดลอกเข้าไปจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า?”
บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจทั้งหมดให้ชัดเจน พร้อมคำแนะนำว่าเมื่อไหร่คุณควรตัดสินใจ “ทิ้ง” หรือยัง “ใช้ต่อ” ได้

เคลียร์ความเชื่อ: เผลอกิน “เศษเคลือบ” ที่หลุดลอก อันตรายจริงหรือ?
ความกังวลอันดับหนึ่งคือการเผลอกินเศษเคลือบสีดำๆ ที่หลุดลอกปนไปกับอาหาร ข่าวดีคือ ตัวเศษเคลือบเองไม่ได้เป็นพิษร้ายแรง
สารเคลือบกันติด (PTFE หรือ เทฟลอน) นั้นมีคุณสมบัติ “เฉื่อย” ต่อร่างกาย (Inert) หมายความว่า หากเราเผลอกินเข้าไป ร่างกายจะไม่ดูดซึมสารนี้ และจะขับถ่ายออกมาทั้งหมดโดยไม่ทำอันตรายต่อระบบย่อยอาหาร
ดังนั้น: การเผลอกินเศษเคลือบ ไม่ใช่อันตรายที่น่ากังวลที่สุดครับ
PFOA สารอันตรายที่ (อาจ) ไม่มีแล้วในกระทะยุคใหม่
ในอดีต กระบวนการผลิตสารเคลือบเคยมีการใช้สารที่ชื่อว่า PFOA (Perfluorooctanoic acid) ซึ่งสารตัวนี้ถูกเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพหลายอย่างหากได้รับในปริมาณมาก
ตั้งแต่ประมาณปี 2013 (พ.ศ. 2556) เป็นต้นมา ผู้ผลิตกระทะเคลือบชั้นนำทั่วโลก (รวมถึงแบรนด์ Teflon) ได้เลิกใช้สาร PFOA ในกระบวนการผลิตแล้ว ดังนั้น หากกระทะของคุณเป็นรุ่นใหม่ที่ซื้อในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็แทบไม่มีความเสี่ยงจากสาร PFOA นี้แล้วครับ (มักจะมีป้าย “PFOA-Free” ติดอยู่ที่ผลิตภัณฑ์)
2 อันตรายที่ “แท้จริง” ของกระทะที่เป็นรอย (และไม่ได้มาจากรอย)
แม้ว่าเศษเคลือบจะไม่เป็นพิษ แต่การที่กระทะเป็นรอยลึก ก็สร้างปัญหาอื่นที่น่ากังวลกว่า ดังนี้:
1. การปนเปื้อนของโลหะที่อยู่ข้างใต้ เมื่อสารเคลือบหลุดลอกออกไปจนเห็น “เนื้อใน” ของกระทะ ซึ่งส่วนใหญ่มักทำจาก อลูมิเนียม หากคุณใช้กระทะนั้นปรุงอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง เช่น ต้มยำ, ผัดซอสมะเขือเทศ, หรือเมนูที่ใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว กรดในอาหารอาจทำปฏิกิริยากับอลูมิเนียม ทำให้มีโลหะปนเปื้อนออกมาในอาหารได้ แม้จะเป็นปริมาณเล็กน้อย แต่การสะสมในร่างกายระยะยาวก็ไม่เป็นผลดี
2. อันตรายจาก “ควันพิษ” เมื่อใช้ไฟแรงจัด (Overheating) นี่คือ อันตรายที่ร้ายแรงที่สุด ของกระทะเคลือบ ไม่ว่ากระทะจะมีรอยหรือไม่ก็ตาม:
-
ห้ามเผากระทะเปล่าๆ บนเตาไฟแรง
-
หากกระทะร้อนจัดเกินไป (อุณหภูมิสูงกว่า 260°C หรือ 500°F) สารเคลือบ PTFE จะเริ่มสลายตัวและปล่อย “ควันพิษ” ออกมา
-
การสูดดมควันนี้ อาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “Polymer Fume Fever” ซึ่งมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น หนาวสั่น ปวดหัว มีไข้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อปอด
สรุป: เมื่อไหร่ถึงเวลาโยนทิ้ง
เรามาประเมินสถานการณ์กระทะของคุณแบบชัดๆ กันครับ:
-
กรณีที่ 1: รอยขีดข่วนตื้นๆ เล็กน้อย
-
คำแนะนำ: ยังพอใช้งานต่อได้ แต่ควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้ไฟแรงจัด และพยายามเลี่ยงการทำอาหารที่เป็นกรดจัดในกระทะใบนั้น
-
-
กรณีที่ 2: รอยลึกมาก จนเห็นเนื้อโลหะสีเงินข้างใต้
-
คำแนะนำ: ควรเปลี่ยนใบใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงการปนเปื้อนของอลูมิเนียม
-
-
กรณีที่ 3: สารเคลือบเริ่มลอก “เป็นแผ่น” หรือ “พอง”
-
คำแนะนำ: ควรทิ้งทันที เพราะประสิทธิภาพการกันติดหมดไปแล้ว และความเสี่ยงที่เศษเคลือบชิ้นใหญ่จะหลุดปนอาหาร และความเสี่ยงที่โลหะจะปนเปื้อนมีสูงมาก
-
เคล็ดลับง่ายๆ ถนอมกระทะเทฟล่อน ให้ใช้งานได้นาน
เพื่อยืดอายุการใช้งานกระทะใบใหม่ของคุณ (และเพื่อความปลอดภัย) ควรปฏิบัติดังนี้:
-
ใช้ตะหลิวที่เหมาะสม: เลือกใช้ตะหลิวไม้ หรือ ตะหลิวซิลิโคน (แบบทนความร้อนสูง)
-
หลีกเลี่ยงของมีคม: ห้ามใช้ตะหลิวโลหะ มีด หรือส้อมขูดขีดบนผิวกระทะ
-
ใช้ไฟกลาง: กระทะเทฟล่อนไม่เหมาะกับการทำอาหารที่ต้องใช้ไฟแรงจัด (เช่น การเผา หรือการ Deep Fry ที่ต้องใช้ความร้อนสูงนานๆ)
-
ห้ามใช้ฝอยขัดหม้อ: ให้ใช้ฟองน้ำด้านนุ่มในการทำความสะอาด
-
รอให้เย็นก่อนล้าง: การล้างกระทะขณะที่ยังร้อนจัด (เช่น ราดน้ำเย็นลงไปทันที) อาจทำให้ผิวกระทะเสียหายจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนกะทันหันได้
กระทะเทฟล่อนที่เป็นรอย ไม่ได้อันตรายจากการเผลอกินเศษเคลือบ แต่ความเสี่ยงที่แท้จริงคือการปนเปื้อนของโลหะที่อยู่ชั้นใต้ และการใช้ไฟแรงจนเกิดควันพิษ ดังนั้น หากกระทะของคุณมีรอยขีดข่วนที่ลึกมากหรือเริ่มหลุดลอกเป็นแผ่น การเปลี่ยนใบใหม่คือทางเลือกที่ปลอดภัยและสบายใจที่สุดครับ




