ตามความรู้สึกของเราแล้วเราจะมองว่า รถที่ไม่มีไฟท้ายก็ต้องผิดสิ เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ แต่ในทางกฏหมายกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะมีกฏหมายระบุไว้ว่า “ห่างจากรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่หยุดรถได้โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุด” ทำให้เมื่อเกิดการชนท้ายขึ้นมาเมื่อไหร่เราจะเป็นฝ่ายผิดแทบจะทุกครั้ง ยกเว้นคันหน้าขับรถโดยประมาทตามที่ ขับรถโดยประมาทแบบไหนเรียกว่าประมาทบ้าง อ้างอิงไว้ เราถึงจะไม่ผิด
กรณีนี้คันหน้าจะไม่ผิดเลยใช่ไหม
ตามกฏหมายไทยใช้วิธีการแยกประเด็นดังนี้
รถคันหน้าไม่มีไฟเบรก
รถคู่กรณีก็จะผิดกฏหมายจราจรมีโทษปรับ 500 บาทส่วนเราผู้ขับรถไปชนคันหน้าก็ถือว่าเป็นฝ่ายผิดที่ขับรถไม่เว้นระยะ หยุดรถไม่ทัน ต้องชดใช้ให้คู่กรณี
พิสูจน์ได้ว่าคันหน้าไม่มีไฟเบรก
แต่ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่ารถคันหน้าไม่มีสัญญาณไฟเบรก หรือมีสัญญาณไฟเบรกไม่ชัดเจน เมื่อหยุดรถหรือลดความเร็วของรถ เราสามารถอ้างเหตุแห่งความผิดดังกล่าวมาใช้ในการต่อสู้ทางคดีความได้ครับ ตามมาตรา6 วรรคสอง มาตรา36 ประกอบมาตรา38(1) พรบ.จราจรทางบก ซึ่งหากพูดกันตามตรงว่า เราอาจจะต้องเสียเวลาในการต่อสู้ หากคูากรณีหรือประกันคู่กรณีไม่ยอม แนะนำว่าควรทำประกันรถยนต์กับบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือไว้ เพื่อให้บริษัทประกันเจรจาให้แทนเรา ประกันรถยนต์ ชัวร์กับประกันที่ใช่
เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า แม้เราจะขับรถดีแค่ไหนแต่ก็อาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะฉะนั้นหากมีประกันรถยนต์ติดรถไว้ก็จะช่วยให้เราสบายในการขับรถ