โปรตีนจากพืช VS โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ต่างกันอย่างไร

โปรตีน

ในยุคปัจจุบัน การเลือกรับประทานอาหารได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ “โปรตีนจากพืช” และ “โปรตีนจากเนื้อสัตว์” หลายคนสงสัยว่าตัวเลือกใดจะดีกว่า หรือควรหลีกเลี่ยงสิ่งใดเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และมุมมองที่สมดุลเกี่ยวกับการเลือกรับประทานโปรตีนทั้งสองแบบ พร้อมคำแนะนำที่เข้าใจง่ายเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

โปรตีนจากพืช

โปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว ธัญพืช และโปรตีนสกัดจากพืช (Plant-Based Protein) มักถูกยกให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสุขภาพหัวใจ เพราะมีไขมันอิ่มตัวต่ำ และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ดี อีกทั้งยังมีกลุ่มสารอาหารที่สำคัญ เช่น ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ

อย่างไรก็ตามข้อเสียสำคัญของโปรตีนจากพืชคือ ปริมาณของ “กรดอะมิโนจำเป็น” ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง มีอยู่น้อยเมื่อเทียบกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ดังนั้น การได้รับโปรตีนจากพืชเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการฟื้นฟูร่างกาย

Plant vs Meat

โปรตีนจากเนื้อสัตว์

โปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ และปลา อุดมไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ครบถ้วน โดยเฉพาะ “Branched-Chain Amino Acids” (BCAAs) เช่น ลิวซีน ซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิต IGF-1 (Insulin-like Growth Factor-1) ที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย

ในขณะเดียวกัน โปรตีนจากเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ มะเร็งลำไส้ และโรคเรื้อรังอื่นๆ หากบริโภคในปริมาณมากและไม่ได้ควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น การออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหารที่สมดุล

ประกันมะเร็งทิสโก้ดีอย่างไร

  • คุ้มครองมะเร็งทุกชนิด ทุกระยะ
  • รับเงินก้อน 100% ของทุนประกันที่ทำไว้เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง
  • วงเงินค่ารักษาสูงสุด 1 ล้านบาท
  • ค่าเบี้ยคงที่ไม่ปรับเพิ่มตามช่วงอายุ
  • ชดเชยค่าตรวจวินิจฉัยซ้ำโรคมะเร็ง และค่าเดินทางไปรักษาตัวสำหรับโรคมะเร็ง

ด้วยแผนความคุ้มครองที่หลากหลายและความยืดหยุ่นในการเลือกตามความต้องการของคุณ ประกันมะเร็งทิสโก้จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการดูแลสุขภาพของคุณและครอบครัว สำหรับท่านใดที่สนใจประกันมะเร็ง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

 

กรดอะมิโน (Amino Acids) เป็นหน่วยพื้นฐานของโปรตีน ซึ่งร่างกายต้องการเพื่อการเจริญเติบโต การซ่อมแซมเซลล์ และกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย กรดอะมิโนแบ่งออกเป็น กรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino Acids) และ กรดอะมิโนไม่จำเป็น (Non-Essential Amino Acids) โดยมีความแตกต่างที่สำคัญคือ ความสามารถของร่างกายในการสังเคราะห์กรดอะมิโนเหล่านี้

กรดอะมิโนจำเป็นคือ กรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น 

กรดอะมิโนไม่จำเป็นคือ กรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง แม้ไม่ได้รับจากอาหารโดยตรง

  • โปรตีนจากสัตว์มักมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน
  • โปรตีนจากพืชส่วนใหญ่ไม่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิด (นอกจากควินัวและถั่วเหลือง)

ผลกระทบของการบริโภคโปรตีน

หนึ่งในงานวิจัยที่น่าสนใจ ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2016 ในวารสาร JAMA ได้ศึกษากลุ่มตัวอย่างกว่า 100,000 คนเป็นเวลา 30 ปี พบว่ากลุ่มคนที่บริโภคเนื้อแดงในปริมาณมากมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ในขณะที่กลุ่มที่บริโภคพืชเป็นหลักมีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำกว่า

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มาก ไม่ออกกำลังกาย และมีภาวะอ้วน เป็นกลุ่มที่ผลกระทบจากการบริโภคเนื้อสัตว์ชัดเจนที่สุด นั่นแปลว่า หากบริโภคอย่างเหมาะสม ร่วมกับการดูแลสุขภาพโดยรวม ผลกระทบจากโปรตีนเนื้อสัตว์อาจไม่รุนแรงอย่างที่คิด

เสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ IGF-1  และการบริโภคโปรตีน

โปรตีนจากเนื้อสัตว์มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการผลิต IGF-1 ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมเซลล์ และส่งเสริมการเจริญเติบโต แต่ในขณะเดียวกัน การมีระดับ IGF-1 สูงเกินไปในร่างกาย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งและโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด

โปรตีนจากพืชในทางกลับกัน ไม่ได้มีผลกระตุ้น IGF-1 ในระดับที่สูงนัก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง แต่ก็อาจทำให้การเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อลดลง

คำแนะนำสำหรับการบริโภคโปรตีน

  1. ผสมผสานโปรตีนจากพืชและสัตว์

การรับประทานอาหารที่หลากหลาย เช่น ผัก ถั่ว ธัญพืช ร่วมกับเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการแปรรูป จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ทั้งกรดอะมิโนจำเป็นจากเนื้อสัตว์ และไฟเบอร์จากพืช

  1. หลีกเลี่ยงเนื้อแปรรูป

เลือกบริโภคเนื้อสด เช่น เนื้อไก่ ปลา หรือเนื้อแดงในปริมาณที่พอเหมาะ แทนการบริโภคไส้กรอก เบคอน หรือเนื้อกระป๋อง ที่มักมีโซเดียมและไขมันสูง

  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายช่วยนำ IGF-1 ไปใช้ในส่วนที่จำเป็น เช่น กล้ามเนื้อและสมอง ลดโอกาสที่ฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติ

  1. เสริมโปรตีนจากพืชในมื้ออาหาร

เพิ่มถั่ว เมล็ดพืช และผลิตภัณฑ์จากพืชในมื้ออาหาร เพื่อเสริมไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ

  1. หลีกเลี่ยงการบริโภคโปรตีนมากเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากพืชหรือเนื้อสัตว์ การบริโภคในปริมาณที่เกินความจำเป็นของร่างกาย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ

ทั้งโปรตีนจากพืชและโปรตีนจากเนื้อสัตว์ล้วนมีข้อดีและข้อเสีย การเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพองค์รวม คือกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่สมดุลและยืนยาว เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ด้วยการผสมผสานอาหารทั้งสองชนิดอย่างเหมาะสม และอย่าลืมดูแลสุขภาพกายและใจไปพร้อมกันครับ!

แชร์บทความนี้