รู้หรือไม่ว่า? ปัจจุบันโรคมะเร็งยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทย
โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงนอกจากโรคมะเร็งเต้านม และโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว โรคมะเร็งรังไข่ สาวๆ ก็ควรพึงระวังด้วย
เพราะโรคมะเร็งรังไข่จะพบมากเป็นอันดับ 6 ของโรคมะเร็งในผู้หญิง และมีโอกาสเกิดโรคประมาณ 100,000 คนต่อปี โดยจะพบมากในช่วงอายุ 40-60 ปี แต่ในเด็กวัยก่อนหรือหลังวัย 10 ปีก็อาจจะพบได้เช่นกัน
สาเหตุการเกิดโรคมะเร็งรังไข่
ปัจจุบันข้อมูลทางการแพทย์ยังไม่มีการระบุที่แน่ชัด แต่สาเหตุเสริมที่มีผลทำให้เกิดโรคได้คือ
- สภาพแวดล้อม เช่น สารเคมี อาหาร และพบว่าในประเทศอุตสาหกรรมมีผู้ป่วยมะเร็งรังไข่มากกว่าประเทศเกษตรกรรม
- สตรีผู้ที่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรน้อย
- ที่เคยเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก และระบบทางเดินอาหาร จะมีโอกาสเป็นมากกว่าคนปกติ
- พันธุกรรม โดยเฉพาะคนที่มีญาติสายตรงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งรังไข่ต้องระวัง
อาการของโรคมะเร็งรังไข่
โดยมากผู้ป่วยจะพบว่าเป็นโรคมะเร็งรังไข่ก็เมื่อเป็นระยะมากแล้ว เพราะจะไม่ค่อยมีอาการแสดงของโรคให้เห็นเด่นชัด แพทย์อาจจะตรวจพบได้โดยบังเอิญ แต่ให้เห็นสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอและหากมีอาการเหล่านี้ ให้สงสัยไว้ก่อน
- มีอาการท้องอืดเป็นประจำ
- มีก้อนในท้องน้อย
- ปวด แน่นท้อง และถ้าก้อนมะเร็งโตมากจะกดกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ส่วนปลาย ทำให้ถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระลำบาก
- เมื่อเซลล์มะเร็งกระจาย อาจมีน้ำในช่องท้องทำให้ท้องโตขึ้นกว่าเดิม
- เบื่ออาหารน้ำหนักลด
การวินิจฉัยและตรวจหาโรคมะเร็งรังไข่
- การตรวจภายในอาจคลำพบก้อนในบริเวณท้องน้อย โดยเฉพาะวัยหมดประจำเดือนหากคลำพบก้อนรังไข่ให้สงสัยไว้ก่อน เพราะปกติวัยหมดประจำเดือนรังไข่จะฝ่อ
- การทำแพพสเมียร์จากในช่องคลอด ส่วนบนทางด้านหลัง อาจพบเซลล์มะเร็งของรังไข่ได้
- การตรวจด้วย เครื่องความถี่สูงอาจช่วยบอกได้ว่ามีก้อนในท้อง ในรายที่อ้วนหรือหน้าท้อง หนามาก คลำด้วยมือตามปกติตรวจไม่พบ
- การผ่าตัดเปิดช่องท้อง วิธีนี้เป็นการวินิจฉัยที่แม่นยำที่สุด สามารถตัดชิ้นเนื้อมาตรวจชนิดของมะเร็ง และทราบถึงระยะของโรคด้วย
ระยะของโรคโดยทั่วไปแบ่งเป็น 4 ระยะคือ
- เซลล์มะเร็งอยู่ในรังไข่
- เซลล์มะเร็งกระจายไปสู่อวัยวะในอุ้งเชิงกราน
- เซลล์มะเร็งกระจายไปในช่องท้อง
- เซลล์มะเร็งกระจายไปที่ตับ หรืออวัยวะอื่นๆ
การรักษาโรคมะเร็งรังไข่
โดยส่วนใหญ่จะใช้วิธีการผ่าตัดเป็นวิธีแรกทำการรักษา แพทย์จะตัดออกให้ได้มากที่สุด ต่อมาจะรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัด
การป้องกันโรคมะเร็งรังไข่
เนื่องจากโรคนี้ไม่ค่อยแสดงอาการ ดังนั้นควรหมั่นสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ วิธีที่ดีที่สุดคือ รับการตรวจภายในหรือตรวจด้วยคลื่นความ ถี่สูง โดยแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย